คุณรู้หรือไม่ว่านิสัยหลายๆอย่างของผู้หญิงอย่างเรานั้นคล้ายคนเป็นโรคเบาหวาน เคยสังเกตหรือเช็คตัวเองหรือเปล่า ว่าที่กินเยอะๆ เหนื่อยง่าย แขนขาชา ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ อาการธรรมดาที่คุณคิดว่าเป็นปกติ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนว่าคุณอาจจะเป็นโรคเบาหวานแล้ว
เบาหวานเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของตับอ่อน ที่ผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ไม่เพียงพอ หรือไม่ได้เลย อินซูลินมีหน้าที่นำน้ำตาลเข้าไปในเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกาย เพื่อเผาผลาญให้เกิดพลังงาน ใช้เป็นองค์ประกอบของเซลล์ที่เกิดใหม่ และซ่อมแซมส่วนสึกหรอ การขาดอินซูลินส่งผลให้น้ำตาลไม่สามารถเข้าไปในเซลล์ได้ จึงสะสมอยู่ในกระแสเลือด น้ำตาลส่วนหนึ่งจะถูกไตขับออกไปสู่ปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะหวานจนมดมากิน อันเป็นที่มาของชื่อโรคในภาษาไทยว่า “โรคเบาหวาน”
สาเหตุของโรคเบาหวาน
1. กรรมพันธ์: เป็นความผิดปกติที่ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ กล่าวคือ การมีพ่อแม่หรือญาติพี่น้องเป็นโรคนี้ ก็เป็นสาเหตุของโรคเบาหวานประเภทที่ 1 เกิดขึ้นในเด็กจนถึงวัยรุ่น
2. การปฎิบัติตัวไม่เหมาะสม: เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นเพราะผู้ป่วยปฎิบัติตัวไม่เหมาะสม ได้แก่
– บริโภคอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น การบริโภคน้ำตาลและแป้งมากเกินไป และขาดการออกกำลังกาย แต่ที่สำคัญคือการบริโภคน้ำมันไม่อิ่มตัวที่เข้าไปเป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ และไปลดประสิทธิภาพของเซลล์ในการเกาะติดกับอินซูลิน ที่เป็นตัวช่วยพาน้ำตาลเข้าไปในเซลล์
– ใช้ยาเกินความจำเป็น ยาบางอย่างเป็นสาเหตุของโรคเบาหวานได้ เช่น ยาพวกสเตอรอยด์ ยาขับปัสสาวะ ยาเม็ดคุมกำเนิด
– สภาวะอื่นๆ เช่น อ้วนเกินไป มีลูกดก ก็เป็นสาเหตุของโรคเบาหวานได้เช่นกัน
– เป็นโรคอื่นๆที่เป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน เช่น โรคตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง โรคมะเร็งของตับอ่อน โรคตับแข็งระยะสุดท้าย โรคคอหอยพอกเป็นพิษ โรคคุชชิง
ข้อมูลจากเอกสารวิชาการเรื่องน้ำมันมะพร้าวป้องกันรักษาโรคเบาหวานได้อย่างไร โดย ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา ประธานชมรมอนุรักษ์และพัฒนาน้ำมันมะพร้าวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันชนิดเดียวในโลกที่สามารถแก้ปัญหาของโรคเบาหวานได้ โดยทำหน้าที่ดังต่อไปนี้
1. น้ำมันมะพร้าวเป็นอาหารให้แก่เซลล์ ช่วยให้เซลล์ทำงานดีขึ้นและนำน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดในระดับคงที่
น้ำตาลกลูโคสและกรดไขมันโมเลกุลสายยาว ส่งผลกระทบต่อร่างกายคล้ายกันคือ ไม่สามารถเข้าไปในเซลล์ได้ด้วยตัวเอง เพราะมีโมเลกุลขนาดใหญ่ จำเป็นต้องมีอินซูลินเป็นตัวกลาง แต่น้ำมันมะพร้าวประกอบด้วยกรดมันโมเลกุลขนาดกลางที่มีขนาดเล็กกว่ามาก จึงเข้าไปในเซลล์ได้โดยไม่ต้องพึ่งอินซูลินเป็นตัวกลาง อีกทั้งน้ำมันมะพร้าวยังใช้เป็นอาหารหล่อเลี้ยงเซลล์ได้ ส่งผลให้เซลล์มีอาหารโดยไม่ต้องพึ่งอินซูลิน เซลล์สามารถใช้น้ำมันมะพร้าวเป็นอาหารได้ ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีอาการแขนขาชาจากการที่เซลล์ไม่ได้รับอาหาร จะกลับมามีความรู้สึกอีกได้หลังจากบริโภคน้ำมันมะพร้าวเพียงไม่กี่สัปดาห์ ดังนั้น น้ำมันมะพร้าวจึงเป็นยาวิเศษที่ช่วยแก้อาการนี้ได้ โดยไม่มีอันตรายใดๆ
นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคเบาหวานยังขาดพลังงาน เพราะเซลล์ไม่ได้รับน้ำตาลอย่างเพียงพอ เมื่อปราศจากน้ำตาลที่จะให้พลังงานแก่การทำงานของเซลล์ เมแทบอลิซึมก็จะช้าลง เป็นผลให้ร่างกายเหนื่อยอ่อน เซื่องซึม แต่น้ำมันมะพร้าวช่วยให้เซลล์ได้รับพลังงาน จึงทำให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานกลับมีพลังขึ้น
2. น้ำมันมะพร้าวเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างและตอบสนองต่ออินซูลิน
น้ำมันมะพร้าวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างอินซูลินของตับอ่อน ทำให้ร่างกายมีอินซูลินอย่างเพียงพอ (สำหรับโรคเบาหวานชนิดที่ 1) และเซลล์ตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น ทำให้ไม่ต้องใช้อินซูลินมากกว่าปกติ (สำหรับโรคเบาหวานชนิดที่ 2) ทั้งนี้เพราะน้ำมันมะพร้าวทำหน้าที่ดังต่อไปนี้
– ช่วยกระตุ้นกระบวนการเมแทบอลิซึม น้ำมันมะพร้าวนั้นสามารถกระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์ได้ จึงช่วยเพิ่มอัตราเมแทบอลิซึม ส่งผลให้มีการผลิตอินซูลินและการดูดซึมน้ำตาลเข้าไปในเซลล์เพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้ น้ำมันมะพร้าวจึงช่วยลดความจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาการฉีดอินซูลินในการรักษาโรคเบาหวาน น้ำมันมะพร้าวจึงเป็นตัวช่วยที่ดีของผู้ป่วยโรคเบาหวานทั้งชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 นอกจากนี้ การกินน้ำมันมะพร้าวยังช่วยป้องกันเบาหวานได้ เพราะช่วยเพิ่มอัตราเมแทบอลิซึม ทำให้ร่างกายเผาผลาญอาหารได้มากขึ้น จึงช่วยควบคุมน้ำหนักตัวได้ดี เมื่อกินน้ำมันมะพร้าวร่วมกับการควบคุมอาหารอย่างถูกต้อง ก็มีส่วนช่วยทำให้คนอ้วนผอมลง ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานได้อีกทางหนึ่ง
– ช่วยให้ตับอ่อนกลับมาสร้างอินซูลินได้อีกครั้ง เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวสามารถทดแทนอาหารของเซลล์ได้ โดยไม่ต้องพึ่งอินซูลิน ทำให้ความต้องการเอนไซม์ที่ใช้ในการผลิตอินซูลินในตับอ่อนลดลง จึงช่วยลดความเครียดของตับอ่อน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานจนอาจกลับมาสร้างอินซูลินได้ดังเดิม
– เพิ่มการสนองตอบต่ออินซูลิน ในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเซลล์ไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน น้ำมันมะพร้าวจะช่วยแก้อาการนี้ได้ โดยการทำให้เซลล์เปิด “ประตู” รับน้ำตาลเข้าไปในเซลล์มากขึ้น ทำให้ไม่จำเป็นที่ตับอ่อนจะต้องสร้างอินซูลินมากเกินจำเป็น
3. น้ำมันมะพร้าวช่วยปรับระดับของน้ำตาลในกระแสเลือด
มีการศึกษาพบว่า น้ำมันมะพร้าวสามารถช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยช่วยลดการนำน้ำตาลเข้าไปในกระแสเลือดได้ ผู้ป่วยบางคนสามารถควบคุมและลดปริมาณน้ำตาลในเลือด โดยการเติมน้ำมันมะพร้าวในอาหาร
4. ช่วยใช้น้ำตาลในเลือดอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยสร้างความทนทานต่อการมีน้ำตาลสูง
มีรายงานว่า น้ำมันมะพร้าวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอินซูลิน ทำให้เซลล์ใช้ประโยชน์ของน้ำตาลอย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้น นักวิจัยยังพบอีกว่า น้ำมันมะพร้าวยังช่วยสร้างความทนทานต่อการมีน้ำตาลสูง (glucose tolerance)
5. น้ำมันมะพร้าวช่วยลดค่าจีไอ
อาหารบางอย่างสามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดหรือค่าจีไอ (GI: Glycemic Index) ขึ้นสูงกว่าอาหารอื่นๆ ค่าจีไอจึงเป็นตัววัดผลของอาหาร แต่ละอย่างต่อการเกิดน้ำตาลในเลือด การเติมน้ำมันมะพร้าวลงไปในอาหารประเภทแป้งสามารถทำให้ค่าจีไอของอาหารเหล่านั้นต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น การเติมน้ำมันมะพร้าวลงไปในอาหารที่คุณรับประทาน จะช่วยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานควบคุมระดับของน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น
วิธีใช้ง่ายๆไม่ยาก แค่ดื่มน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นบริสุทธิ์ หรือผสมลงในอาหารประจำวันประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ภายใน 30 นาที (ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม เมื่อรวมกับน้ำมันและไขมันในอาหารชนิดอื่นๆ ไขมันที่ได้รับโดยรวมต้องไม่เกินวันละ 3-4 ช้อนโต๊ะ)
ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือแม้แต่ผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวาน จึงควรเลิกบริโภคน้ำมันไม่อิ่มตัวโดยสิ้นเชิง แล้วหันมาบริโภคน้ำมันมะพร้าวแทน วิธีนี้เป็นการรักษาโรคเบาหวานที่ง่ายและสะดวกที่สุด
ที่มา : http://health.haijai.com/2889/
เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารและโปรโมชั่นดีๆ ติดตามเราได้ที่